วันเสาร์, พฤษภาคม 22, 2553

ความคับแค้นใจนั้นเป็นของจริง

ผมได้ดูภาพข่าวและการสัมภาษณ์ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุม น.ป.ช. เมื่อวานนี้ ทั้งภาพความซึมเศร้า ทั้งการให้สัมภาษณ์ที่เห็นได้ชัดว่ามีความเสียใจจริง ๆ เมื่อการชุมนุมยุติ ตอกย้ำความเชื่อของผมอย่างหนึ่งว่า

คนเหล่านี้คือส่วนที่ไม่ได้ถูกจ้าง (ผมเชื่อว่ามีส่วนที่ถูกจ้างด้วย) เขามาด้วยใจ มาด้วยความรู้สึกคับแค้นจริง ๆ และเชื่อจริง ๆ ว่าสิ่งที่แกนนำจะพาเขาไปนั้น จะแก้ปัญหาให้เขาได้ (ซึ่งแน่นอน ผมเชื่อต่างไปจากเขาร้อยแปดสิบองศา)


ในทางกลับกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่า ช่องว่างในสังคมไทยนั้น ไม่ได้มีเพียงช่องว่างทางรายได้
ข้อความต่าง ๆ ใน Facebook สะท้อนช่องว่างทางทัศนคติ
ข้อความต่าง ๆ ใน Facebook สะท้อนช่องว่างทางโอกาส
ข้อความต่าง ๆ ใน Facebook สะท้อนการไม่พยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน

นี่คือโจทย์ที่รัฐ (ไม่ใช่พรรคการเมือง) จะต้องมอง เอาใจใส่

ในทางหนึ่ง จะต้องสืบค้นต้นตอของปัญหาของผู้ร่วมชุมนุมให้ได้ว่ามันคืออะไร และจะต้องแก้ไขให้ถูกจุด (วางใจได้บ้างเมื่อได้เห็นคุณหญิงสุพัตรา ออกรายการคุณกนกเมื่อหลายวันก่อน)

ในอีกทางหนึ่งจะต้องให้ความรู้แก่ประชาชน ในเรื่องของการเคารพผู้อื่นในฐานะคนเท่าเทียมกัน ให้การดูหมิ่นคนด้วยชาติกำเนิด ด้วยฐานะ ด้วยการศึกษา เป็นเรื่องที่น่าอาย น่าดูถูก ให้ได้ (รวมทั้งในทางกลับกันด้วย เช่นการดูถูกคนรวยว่าจะต้องหยิ่งแน่ ๆ หรือเรียนเก่งแล้วจะต้องเห็นแก่ตัวแหง ๆ อะไรทำนองนี้ก็ไม่น่าจะยอมรับได้เช่นกันเป็นต้น)

ไม่เพียงรัฐเท่านั้น ผมคิดว่าประชาชนทุกคน หากตระหนักถึงปัญหานี้แล้ว ทุกท่านล้วนมีภาระหน้าที่เดียวกันนี้ทั้งสิ้น

มิเช่นนั้นแล้ว ความสงบหลังการชุมนุมยุติลงนั้น จะเป็นเพียงความสงบชั่วคราวที่ซ่อนรอยร้าวลึกไว้เบื้องหลัง

2 ความคิดเห็น:

Little Bird กล่าวว่า...

มันเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก ในความคิดของผมเหมือนประเทศไทยเดินมาผิดทางและไกลเกินกว่าที่จะแก้ไขแ้ล้ว และผมก็นึกไม่ออกเลยว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แต่ประเทศที่ผมเคยรู้จักในอดีตคงไม่มีวันได้เห็นอีก ผมไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย แต่ที่ อ. พูดมันก็จริงว่าสังคมเราช่องว่างมันก็มี และผมคิดว่าสังคมอื่นก็มี ประเทศอื่นก็มี แต่ปัญหาจริงๆ ในความคิดของผมก็แบบ คนที่อยู่ชนบทเค้าไม่สนใจหรอกการบ้านการเมือง เค้าก็ทำมาหาเลี้ยงชีพไป แต่วันหนึ่งมีคนมาพูดกรอกหูทุกๆ แต่ความพร้อมของความคิด หรือความเข้าใจระบบการเมืองนั้นยังไม่พร้อม ผลที่ได้คืออย่างที่เห็น
สมัยนี้อะไรมันก็สะดวกรวดเร็ว คนเราคิดอะไร ก็พูดระบาย พิมพ์มันออกมาตามอารมณ์ แล้วก็จากไป โดยไม่ต้องรับผิดชอบเหมือนเมื่อก่อน ผมพูดไปก็งงตัวเองไปนะครับ อ. ปัญหาแก้ไม่ตกจริงๆ

ไหนๆ ก็ไหนแล้วอยากถาม อ. ว่า อ. คิดยังกับตำรวจ แบบรวมครับ

jark กล่าวว่า...

ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น
ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำไปครับ
ดูโฆษณาเกษตรพอเพียงแล้ว ทำให้ผมเข้าใจได้เหมือนกันว่า
เราเปลี่ยนโลกได้ ด้วยการเปลี่ยนตัวเอง

เรามีหน้าที่อะไร ทำสิ่งนั้นให้ดี แล้วมันจะดีเองครับ
อะไรทำได้ก็ทำ ทำให้เต็มที่ อะไรทำไม่ได้ก็วาง
เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดมากเลย (ผมเองก็ต้องพยายามไม่คิดมากเหมือนกัน)

ส่วนเรื่องตำรวจผมมีความเชื่ออยู่ว่า
ตำรวจชั้นผู้น้อย น่าสงสารครับ งานหนัก เงินน้อย
แถมมีตำรวจไม่ดีอยู่ ทำให้ตำรวจถูกดูถูกมาก น่าอึดอัดครับ

เวลาตำรวจจับคนขี่มอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกกันน็อก ก็ถูกค่อนขอดกระแนะกระแหน ทั้ง ๆ ที่กำลังทำหน้าที่ของตนเองแท้ ๆ

ส่วนตำรวจที่ไม่ตรงไปตรงมา ผมก็สงสัยว่าโรงเรียนเขาสอนอะไรและสอนยังไง แต่ว่าก็ว่าเถอะ ในมหาวิทยาลัย ทั่ว ๆ ไป จบไปโกงคนอื่นก็เยอะ จะว่าแต่โรงเรียนตำรวจที่เดียวก็ไม่ได้

ส่วนเรื่องในระดับการเมือง ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ ครับ

ป.ล. ในบล๊อกนี้ให้ถือว่าผมคือ ktphong นะครับ ไม่มีตำแหน่งอาจารย์ และไม่ได้สอนใคร เพราะฉะนั้นจะเรียกชื่อ ktphong เฉย ๆ ก็ได้ เรียกคุณก็ได้ครับ อย่าเรียกอาจารย์เลย