วันศุกร์, ตุลาคม 28, 2554

น้ำท่วม / ตุลาคม 2554

สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปีนี้เข้าสู่การรับรู้ของผมทีละน้อย ๆ ตั้งแต่ต้นเดือนเป็นต้นมา ทั้งนี้เนื่องจากช่วงปลายเดือนกันยายน - ต้นเดือนตุลาคมของปีนี้มีอะไรเป็นพิเศษอยู่ นั่นคือมีงานที่มีกำหนดส่งในช่วงนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่องหลักสูตร ซึ่ง...คงจะเขียนได้อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องแผนงบประมาณ แผนครุภัณฑ์ (ที่สุดแล้วก็ไม่ทัน) ตรวจข้อสอบ ส่งเกรด ส่งบทความวิจัย ทำหนังสือเดินทาง ทำวีซ่า ทั้งหมดนี้กระจุกอยู่ในช่วงเวลาไม่เกิน 3 สัปดาห์ เหตุผลน่ะเหรอ....เชื่อไหมว่ามันก็เหตุผลเดียวกับเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ นั่นแหละ

ในช่วงนั้นก็ทำงานตลอด กลับบ้านก็ไม่ได้หยุด แม้เปิดทีวีดูข่าวก็ไม่ได้ดูเต็ม ๆ คือทำงานไปด้วยฟังเสียงทีวีไปด้วย พอรู้ตัวอีกที น้ำก็ท่วมกรุงเทพซะแล้ว
ภาพจากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ออนไลน์ ฉบับวันที่ 28 ตุลาคม 2554
ณ เวลานี้ผมทำงานอยู่ที่ขอนแก่น นึกไม่ออกว่าที่บ้านที่กรุงเทพฯ จะเป็นยังไง มันจะกระทบชีวิตคนในครอบครัวขนาดไหน ทั้ง ๆ ที่ในชีวิตผมผ่านน้ำท่วมกรุงเทพฯ มาแล้วหลายครั้ง จนมีช่วงหนึ่งในชีวิตที่คิดว่ามันคือกิจวัตรประจำปีด้วยซ้ำ แต่ทำไมครั้งนี้ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าครั้งใด ๆ ที่เคยเจอมาก่อนก็ไม่รู้เหมือนกัน

เกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมนี้ คิด ๆ ดูแล้วผมพบว่าในใจผมมีความโกรธอยู่ ดวงเล็ก ๆ แต่ท่าทางจะดับยาก ความโกรธนี้พุ่งเป้าไปที่คนที่มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงและโดยอ้อมทุกคน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว อารมณ์ประมาณว่า แม่ง เรื่องแค่นี้จะตั้งใจทำให้ดีก็ไม่ได้

ใครอยู่หน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรระดับไหนก็ตาม ลองใตร่ตรองดูนะครับว่า ประสิทธิภาพของหน่วยงานของท่านยังดีอยู่หรือ เอาที่ตาผมเห็นนะ ผมอาจจะเห็นไม่หมด ผมไม่ค่อยพบว่าภาครัฐมีการวางแผนเป็นกิจลักษณะ ถูกต้องตามหลักวิชา และถี่ถ้วนตามลำดับชั้น

แน่นอนว่ามีการวางแผน แต่ว่าเป็นการวางแผนตามพิธีกรรม คือทำตาม ๆ เขา และข้อกำหนดก็ไม่ถี่ถ้วน ไม่ได้ทำตามหลักสามัญสำนึกอะไร การวางแผนถึงทำจนมีกระดาษเรื่องแผนเป็นปึก ๆ ก็เหมือนไม่ได้วางแผนนั่นแหละ

นั่น!

คือสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วม

ย้อนกลับไปอ่านย่อหน้าแรกนะครับ ว่าผมเจออะไรในที่ทำงาน ผมไม่กล้าว่าคนอื่นนักหรอก เพราะผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนั้นเหมือนกัน

สิ่งที่ผมขอเสนอก็คือ ไม่ว่าพิธีกรรมทางเอกสารจะมีตัวอย่างมาอย่างไร ขอให้พวกเราทำงานโดยมีหลักสามัญสำนึกธรรมดา ๆ รองรับไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นแล้ว หลักวิชา หรือพิธีกรรมใด ๆ ที่ไปเลียนแบบเขามาก็คงทำให้เราเป็นได้เพียงลิงใส่ชฏาเท่านั้น หาได้เป็นเทวดาตามอาภรณ์ที่สวมใส่ไม่

และเรื่องนี้ ตัวเรานี่แหละจะรู้ตัวเองดีที่สุด หลอกตัวเองไม่ได้หรอก