วันพฤหัสบดี, เมษายน 22, 2553

เสรีภาพในการเผยแพร่ข่าวสาร

ผมมีคำถาม (ซึ่งรู้คำตอบในใจอยู่แล้ว) เมื่อตอนมีกรณีปิดสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งโดยรัฐบาล

สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความเท็จหรือไม่
สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความเท็จที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่
สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความเท็จที่ทำให้บุคคลอื่นถูกเกลียดชังโดยไม่มีโอกาสชี้แจงหรือไม่
สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความเท็จที่ทำให้บุคคลและบุคคลเกลียดชังกันหรือไม่

สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความจริงหรือไม่
สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความจริงที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่
สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความจริงที่ทำให้บุคคลอื่นถูกเกลียดชังโดยไม่มีโอกาสชี้แจงหรือไม่
สื่อและบุคคลมีเสรีภาพในการเผยแพร่ความจริงที่ทำให้บุคคลและบุคคลเกลียดชังกันหรือไม่

ผมคิดว่าคำตอบของแต่ละคำถามข้างต้น ต่อสื่อและต่อบุคคล นั้นแตกต่างกัน
เพราะความรับผิดชอบของสื่อนั้นเหนือความความรับผิดชอบของบุคคล เนื่องจากผลกระทบและอิทธิผลของมันต่อสังคมนั้นสูงกว่ามาก


โดยเฉพาะการเผยแพร่ความเท็จเพื่อให้คนเกลียดบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่ม ใดกลุ่มหนึ่งนั้น ไม่รู้ว่าจะถือว่าเข้าข่าย Hate Crime หรือเปล่า ถ้าใช่ สงสัยนักว่าเสรีชนเขาไม่เกลียด Hate Crime กันหรอกหรือ?

วันจันทร์, เมษายน 12, 2553

ท่านนายกฯ ไม่มีสิทธิ์ลาออกตอนนี้

ขอให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ในการแก้ปัญหาของประเทศชาติในขณะนี้
ผมสงสารท่านเหลือเกิน แต่ไม่ว่าจะสงสารอย่างไร
ท่านก็ไม่มีสิทธิ์หนีปัญหา หรือว่าลาออกตอนนี้เด็ดขาด
จนกว่าจะจัดการโจร 5-6 คนที่ทำลายชาติบ้านเมืองอยู่ให้ได้เสียก่อน

เมื่อบ้านเมืองสงบเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงจะสามารถลาออก และ
ให้คนกลางเข้ามาสอบสวนการสลายการชุมนุมเพื่อหาผู้รับผิดชอบต่อไป

อย่าให้มันจบเหมือนเขมรแดงนะครับ มันน่ากลัวเกินไป

สิ่งที่น่ากลัวในการชุมนุม ที่ผมรู้สึกได้คือ ความเกลียดชังครับ เป็นการชุมนุมที่ปั่นความเกลียดชังแก่กันมาเป็นเชื้อเพลิงให้การชุมนุมเองด้วยข้อมูลเป็นเท็จ มันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

จะแก้ได้ก็ต้องจัดการกับคนโกหก (หน้าตาเฉย ไม่แอบ และไม่อาย) ให้ได้ก่อน ถ้าจัดการไม่ได้ ต่อไปคนโกหก (หน้าตาเฉย ไม่แอบ และไม่อาย) ก็คงจะเต็มสภาล่ะครับ ส่วนคนอย่างท่านซึ่งมีความรู้ ความสามารถ และเป็นสุภาพบุรุษก็คงไม่มีใครกล้าเลียนแบบ เพราะมันอันตรายถึงชีวิตทีเดียว

ดีไม่ดี ดูกันต่อไป คนโกหก (หน้าตาเฉย ไม่แอบ และไม่อาย) นี่จะน่ากลัวกว่าทักษิณด้วยซ้ำไป ในอนาคตจะมีเสรีภาพอย่างที่มีอยู่ตอนนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้

วันศุกร์, เมษายน 09, 2553

คำประกาศจาก วสิษฐ เดชกุญชร ที่ต้องอ่าน

คำประกาศจาก วสิษฐ เดชกุญชร ที่ต้องอ่าน
จากบล๊อกของคุณสุทธิชัย หยุ่น


"เนื่องจากมีผู้สนใจสอบถามมาเป็นจำนวนมาก ผมจึงขอชี้แจงว่า
( ๑) ผมไม่ใช่ ผู้นำ การชุมนุมเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ได้รับเชิญจากกลุ่มจุฬาฯเชิดชูคุณธรรมนำ ประชาธิปไตย (จคป) ให้ไปร่วมหารือก่อน
      เมื่อทราบวัตถุประสงค์ของการชุมนุม คือการ เทิดทูนและปกป้องพระมหากษัตริย์จากการลบหลู่และให้ร้าย ไม่สนับสนุนความรุนแรง
    ไม่สนับสนุนการแบ่งแยกชนชั้น และไม่บังคับรัฐบาลให้ยุบสภา ซึ่งตรงกับใจผม ผมก็ตัด สินใจรับเป็นที่ปรึกษา และไปร่วมชุมนุมด้วย


( ๒) จคป.ไม่ได้บังคับให้ใครสวมเสื้อสีชมพู   ใครจะสวมสีอะไรก็ได้ ผมสวมเสื้อสีชมพูไปร่วมชุมนุม เพราะสีชมพูเป็นสีของจุฬาฯ และ ผมเป็นนิสิตเก่า
      เราตั้งใจจะไปชุมนุมอ่านปฏิญญากันในมหาวิทยาลัย ผมจึงเห็นว่า สมควรที่จะสวมเสื้อสีชมพู


( ๓) เราตั้งใจจะประกาศปฏิญญาของเราให้ปรากฏเท่านั้น ไม่ต้อง การจะเผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อแดง กลุ่มเสื้อแดงเองเป็นฝ่ายประกาศขู่ก่อน จนจุฬาฯต้อง   สั่งปิดมหาวิทยาลัย และเราต้องย้ายไปชุมนุมที่สวนลุมฯ
( ๔) ถ้ากลุ่มเสื้อแดงเห็นว่าเรา เป็นศัตรูเพราะปฏิญญาของเรา ก็แปลว่ากลุ่มเสื้อแดงมีเจตนาตรงกันข้ามกับเรา   คือมุ่งทำลายพระมหากษัตริย์ สนับสนุนความรุนแรง   แบ่งชนชั้น และบังคับรัฐบาลให้ยุบสภา

( ๕) ขณะนี้ จคป.ยังไม่ได้บอกผมว่า จะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไรเมื่อใด แต่ถ้า จคป.ยังยึด มั่นในปฏิญญาที่ประกาศไปแล้ว ผมก็ยินดีและเต็มใจที่จะไปร่วมด้วยอีก


( ๖) ผมขอขอบ คุณท่านที่เป็นห่วง ขอเรียนว่าหลังการชุมนุมเมื่อวันศุกร์ ผมถูกด่าทางโทรศัพท์ และถูกขู่ว่าจะ ตายก่อนแก่ ด้วย แต่ผมแก่เกินกลัว  และ เจริญมรณสติเป็นนิสัย ถ้าหากว่าจะ ต้องตายเพราะป้องกันชาติ ศาสนา หรือพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพสักการะของ โคตรของผมและตัวผมด้วย
      ผมก็คงตายด้วยความภาคภูมิใจ และลูกหลานผมก็คงจะ รู้สึกเป็นเกียรติ
( ๗) ท่านที่มีอุดมการณ์ร่วมกันหรือตรงกันกับ จคป. โปรดอย่าคอยจน กว่าจะถึงการชุมนุมครั้งต่อไป ขอให้เริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้ด้วยการเผยแพร่อุดมการณ์ด้วยทุกวิธีที่ทำได้   เช่น ด้วยคำพูด ด้วยการเขียน ด้วยการประชุมแม้จะเป็นวงแคบๆ ใช้สื่อทุก ชนิดที่หาได้ ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต โทรสาร จดหมาย หรือใบปลิว  
    น้ำมันที่หยดลงบนแผ่นกระดาษแม้จะเป็นหยดเล็กๆ แต่ถ้าหยดมากๆ มันจะแผ่กว้าง ออกไปจนถึงกัน และเต็มทั้งแผ่นกระดาษในที่สุด. "


    วสิษฐ เดชกุญชร  

วันพุธ, เมษายน 07, 2553

I thought I had brought myself back to me

Today, I browsed through my very first blog. It was written in English, actually because of only one reason (back then) which was I could not type in Thai.

Today, I would like to try it again. I think some words may get softer in English if my feeling is too hard.

Look back in time, I found that myself was stolen...by my job. And to make a long story short, I was assigned to do what I was not trained for, along with my profession.

The job was very time consuming and pretty stressful. That is because I did not (and could not) have a full control on things I had my responsibility on them. Things could went wrong any time. I still think...that my only true function was to be just a scapegoat when things did go wrong.

Lucky me that things went well. It has been 5 years now and I thought that I could be free from it. I could get myself back to me. It should be my turn to do something else, some research, some programs, etc. I had that sweet thought for a few months. In fact, I was begging for it.

But no...

[I deleted the last two sentences. It may not be all I want to write, but it is all I want to record.]