วันอาทิตย์, มีนาคม 21, 2553

อยากทำหรือว่าอยากเป็น

ปัญหาอย่างหนึ่งในการสอน คือผู้เรียนไม่มีใจอยากเรียนรู้ ในที่นี้ขอเน้นคำว่าเรียนรู้ (Learn) นะครับ ไม่ใช่เรียนเอาเกรด หรือว่าเรียนไปสอบ (Study)

คำถามคาใจอาจารย์คือ
  • ทำไมผู้เรียนไม่อยากเรียนรู้? หรือแปลอีกอย่างหนึ่งคือ
  • ถ้าไม่อยากเรียนรู้เรื่องในแนวทางนี้ เลือกเรียนสาขานี้ทำไม?
ได้สังเกตผู้เรียนหลาย ๆ รุ่น พบว่ามีนักศึกษาจำนวนมากไม่รู้ว่าเรียนจบไปแล้วเขาจะมีหน้าที่ทำอะไร คือรุ่นพี่ก็ไม่ได้อธิบายให้เขาฟังแบบจริง ๆ จัง ๆ ว่าจบไปแล้วมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง ส่วนมากแล้วชอบเล่าให้กันฟังถึงผลที่ได้จากหน้าที่ มากกว่าตัวหน้าที่เอง เช่น ได้เงินเดือนเท่าไร ได้โบนัสเท่าไร ส่วนเรื่องต้องตรากตรำขนาดไหน ต้องทำอะไรบ้าง นี่มักจะไม่ค่อยเล่าสู่กันฟังเท่าไร

เรื่องนี้มีรุ่นพี่เท่านั้นที่ช่วยได้ เพราะอาจารย์จะรู้จริงเฉพาะที่ประสบกับตนเองเท่านั้น

ทำให้คิดได้ว่า อันที่จริงเด็ก ๆ บอกว่าตนเองอยากเป็นหมอ หรือว่าอยากเป็นวิศวกร หรือว่าอยากเป็นนักกฏหมาย หรือว่าอยากเป็นทหาร ตำรวจ ฯลฯ เขาแค่อยากแปะฉลากตัวเอง ด้วยยี่ห้อเหล่านั้น มากกว่าจะอยากทำงานในหน้าที่เหล่านั้นจริง ๆ
  • เด็กบางคนบอกว่าอยากเป็นนักเขียน แต่กลับพบว่าตัวเขาไม่ได้ชอบการเขียน (บางคนไม่ได้ชอบอ่านด้วยซ้ำ) แต่ชอบชื่อเสียงที่ได้จากการเป็นนักเขียน
  • เด็กบางคนบอกว่าอยากเป็นหมอ แต่กลับพบว่าตัวเขาไม่ได้ชอบรักษาคนไข้ แต่ชอบ ลาภ ยศ สรรเสริญ อันเนื่องมาจากฉลากคำว่าหมอ ที่แปะที่หน้าผากเขาเท่านั้น
  • เด็กบางคนบอกว่าอยากเป็นวิศวกร แต่กลับพบว่าตัวเขาไม่ได้ชอบแก้ปัญหาเชิงช่าง ไม่ต้องพูดถึงการไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์และวิชาคำนวณ เขาแค่คิดว่าการเป็นวิศวกรมันน่าจะเท่ และมีเงินเดือนดี โดยไม่นึกถึงว่าหน้าที่ของวิศวกรคืออะไร
สำหรับเด็กเล็ก ๆ ก็ไม่เป็นไร การชื่นชอบผลลัพธ์ของหน้าที่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เช่นตอนเด็ก ๆ ไปเจอคุณหมอสวย ๆ ใจดี น่ารัก และอยากเป็นอย่างคุณหมอคนนั้นบ้าง ก็เป็นจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจของเด็ก ๆ ได้

แต่กับเด็กโต คือตั้งแต่ระดับมัธยมต้นขึ้นไป น่าจะได้รับคำถามว่า
โตขึ้นหนูอยากทำอะไร
มากกว่าคำถามว่า
โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร
 คนที่ชอบเล่นดนตรีจริง ๆ จัง ๆ จะได้ไปเรียนดนตรี คนที่ชอบการวิเคราะห์ตรรกะและธรรมศาสตร์จะได้ไปเรียนรัฐศาสตร์และกฏหมาย คนที่รักความยุติธรรมอาจจะเลือกเรียนตำรวจ คนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและการแก้ปัญหาเชิงช่าง จะได้เรียนวิศวกรรมศาสตร์ คนที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ วิจัย จะได้เรียนวิทยาศาสตร์ คนที่ชอบบริการ ใจดี อาจเลือกเีรียนด้านงานบริการ หรืองานพยาบาล ฯลฯ เด็ก ๆ จะได้ค้นพบตัวเองโดยเร็วและไม่สูญเสียพรสวรรค์ของตนเองและเวลาในห้องเรียนระดับอุดมศึกษาถึง 4 ปี

ถามตนเองว่า อยากทำอะไรเพื่อเลี้ยงชีพ จะตอบตนเองได้ว่าควรจะเรียนอะไร เพื่อให้การเรียนในระดับสูงส่งเสริมความชอบและพรสวรรค์ของตนเองให้สูงที่สุด

ก่อนเข้ามาเรียน ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ ว่าที่ว่าอยากเป็นวิศวกรนั้น อยากทำงานวิศวกรรม หรือแค่อยากมีป้ายชื่อว่าเป็นวิศวกรเฉย ๆ

1 ความคิดเห็น:

Sarawooth กล่าวว่า...

เห็นด้วยครับ


ส่วนใหญ่ก็จะตัดสินใจตามเพื่อนโดยที่ไม่ได้คิดถึงว่าสิ่งที่ตนเองอยากทำจริงๆ และไม่ได้คิดถึงความสามารถของตนเอง