ผมเห็นใจท่านนายกฯ มาก สงสารท่านแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แต่เอาใจช่วย
ท่านคงหนักใจและเหนื่อยใจมากกับปัญหาของประเทศในวันนี้
คนดี ทำดีได้ง่าย ทำชั่วได้ยาก
คนชั่ว ทำชั่วได้ง่าย ทำดีได้ยาก
และในท้ายที่สุดผมเชื่อมั่นว่า ความดีจะคุ้มครองคนที่ทำดีอย่างแน่นอน
แล้วอย่างไรจึงจะเรียกว่าคนดี... ในมุมหนึ่ง คนดีของใครก็ของมัน ในอีกมุมหนึ่ง คนดีดูได้จากการกระทำที่เขาทำเพื่อสังคม ซึ่งต่างคนก็อาจเห็นไม่เหมือนกัน
หากสังคมไทย นิยมชมชอบการทำงานอย่างอภิสิทธิ์ เห็นว่าเขาเป็นคนดี สนับสนุนให้เขาทำงาน ผมเชื่อว่าเราจะได้ ส.ส. อย่างอภิสิทธิ์มากขึ้น
หากสังคมไทย นิยมชมชอบการทำงานอย่างจตุพร เห็นว่าเขาเป็นคนดี สนับสนุนให้เขาทำงาน ผมเชื่อว่าเราจะได้ ส.ส. อย่างจตุพรมากขึ้น
เราคงไม่ได้มีทางเลือกเพียงเท่านี้ แต่บางทีมันก็เหมือนกับการขายพ่วง ไม่ได้อยากได้ บางทีก็ติดมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
สังคมไทยอยู่ในมือของพวกเราทุกคน ชอบอย่างไร เชื่ออย่างไร ก็เลือกอย่างนั้น
สังคมก็จะเป็นไปอย่างที่เราเลือกนั่นแหละ
วันอังคาร, มีนาคม 30, 2553
วันอาทิตย์, มีนาคม 21, 2553
อยากทำหรือว่าอยากเป็น
ปัญหาอย่างหนึ่งในการสอน คือผู้เรียนไม่มีใจอยากเรียนรู้ ในที่นี้ขอเน้นคำว่าเรียนรู้ (Learn) นะครับ ไม่ใช่เรียนเอาเกรด หรือว่าเรียนไปสอบ (Study)
คำถามคาใจอาจารย์คือ
เรื่องนี้มีรุ่นพี่เท่านั้นที่ช่วยได้ เพราะอาจารย์จะรู้จริงเฉพาะที่ประสบกับตนเองเท่านั้น
ทำให้คิดได้ว่า อันที่จริงเด็ก ๆ บอกว่าตนเองอยากเป็นหมอ หรือว่าอยากเป็นวิศวกร หรือว่าอยากเป็นนักกฏหมาย หรือว่าอยากเป็นทหาร ตำรวจ ฯลฯ เขาแค่อยากแปะฉลากตัวเอง ด้วยยี่ห้อเหล่านั้น มากกว่าจะอยากทำงานในหน้าที่เหล่านั้นจริง ๆ
แต่กับเด็กโต คือตั้งแต่ระดับมัธยมต้นขึ้นไป น่าจะได้รับคำถามว่า
ถามตนเองว่า อยากทำอะไรเพื่อเลี้ยงชีพ จะตอบตนเองได้ว่าควรจะเรียนอะไร เพื่อให้การเรียนในระดับสูงส่งเสริมความชอบและพรสวรรค์ของตนเองให้สูงที่สุด
ก่อนเข้ามาเรียน ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ ว่าที่ว่าอยากเป็นวิศวกรนั้น อยากทำงานวิศวกรรม หรือแค่อยากมีป้ายชื่อว่าเป็นวิศวกรเฉย ๆ
คำถามคาใจอาจารย์คือ
- ทำไมผู้เรียนไม่อยากเรียนรู้? หรือแปลอีกอย่างหนึ่งคือ
- ถ้าไม่อยากเรียนรู้เรื่องในแนวทางนี้ เลือกเรียนสาขานี้ทำไม?
เรื่องนี้มีรุ่นพี่เท่านั้นที่ช่วยได้ เพราะอาจารย์จะรู้จริงเฉพาะที่ประสบกับตนเองเท่านั้น
ทำให้คิดได้ว่า อันที่จริงเด็ก ๆ บอกว่าตนเองอยากเป็นหมอ หรือว่าอยากเป็นวิศวกร หรือว่าอยากเป็นนักกฏหมาย หรือว่าอยากเป็นทหาร ตำรวจ ฯลฯ เขาแค่อยากแปะฉลากตัวเอง ด้วยยี่ห้อเหล่านั้น มากกว่าจะอยากทำงานในหน้าที่เหล่านั้นจริง ๆ
- เด็กบางคนบอกว่าอยากเป็นนักเขียน แต่กลับพบว่าตัวเขาไม่ได้ชอบการเขียน (บางคนไม่ได้ชอบอ่านด้วยซ้ำ) แต่ชอบชื่อเสียงที่ได้จากการเป็นนักเขียน
- เด็กบางคนบอกว่าอยากเป็นหมอ แต่กลับพบว่าตัวเขาไม่ได้ชอบรักษาคนไข้ แต่ชอบ ลาภ ยศ สรรเสริญ อันเนื่องมาจากฉลากคำว่าหมอ ที่แปะที่หน้าผากเขาเท่านั้น
- เด็กบางคนบอกว่าอยากเป็นวิศวกร แต่กลับพบว่าตัวเขาไม่ได้ชอบแก้ปัญหาเชิงช่าง ไม่ต้องพูดถึงการไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์และวิชาคำนวณ เขาแค่คิดว่าการเป็นวิศวกรมันน่าจะเท่ และมีเงินเดือนดี โดยไม่นึกถึงว่าหน้าที่ของวิศวกรคืออะไร
แต่กับเด็กโต คือตั้งแต่ระดับมัธยมต้นขึ้นไป น่าจะได้รับคำถามว่า
โตขึ้นหนูอยากทำอะไรมากกว่าคำถามว่า
โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรคนที่ชอบเล่นดนตรีจริง ๆ จัง ๆ จะได้ไปเรียนดนตรี คนที่ชอบการวิเคราะห์ตรรกะและธรรมศาสตร์จะได้ไปเรียนรัฐศาสตร์และกฏหมาย คนที่รักความยุติธรรมอาจจะเลือกเรียนตำรวจ คนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและการแก้ปัญหาเชิงช่าง จะได้เรียนวิศวกรรมศาสตร์ คนที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ วิจัย จะได้เรียนวิทยาศาสตร์ คนที่ชอบบริการ ใจดี อาจเลือกเีรียนด้านงานบริการ หรืองานพยาบาล ฯลฯ เด็ก ๆ จะได้ค้นพบตัวเองโดยเร็วและไม่สูญเสียพรสวรรค์ของตนเองและเวลาในห้องเรียนระดับอุดมศึกษาถึง 4 ปี
ถามตนเองว่า อยากทำอะไรเพื่อเลี้ยงชีพ จะตอบตนเองได้ว่าควรจะเรียนอะไร เพื่อให้การเรียนในระดับสูงส่งเสริมความชอบและพรสวรรค์ของตนเองให้สูงที่สุด
ก่อนเข้ามาเรียน ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ ว่าที่ว่าอยากเป็นวิศวกรนั้น อยากทำงานวิศวกรรม หรือแค่อยากมีป้ายชื่อว่าเป็นวิศวกรเฉย ๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)