ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสรับรู้ข่าวไม่ดีหลายๆเรื่องเกี่ยวกับอนาคตที่มืดมนของระบบการศึกษาไทย
ข่าวแรก ผลการสำรวจระบุว่า ประชากรไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ ๘ บรรทัด!
ข่าวที่สอง ผลการสำรวจระบุว่า เด็กและเยาวชนไทยอย่างน้อย ๖๖ เปอร์เซนต์มีไอคิวต่ำกว่าระดับมาตรฐาน!!
ข่าวที่สาม สกู๊ปข่าวหนังสือพิมพ์เปิดเผยว่า มีการว่าจ้างทำวิทยานิพนธ์ให้นักศึกษาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน คนจ้างอ้างว่าไม่มีเวลา คนรับจ้างอ้างเรื่องเงิน!!!
เกี่ยวกับข่าวแรก เมื่อลองเอาไปคุยกับเพื่อนๆ ผลกลับปรากฏว่า เพื่อนๆคิดว่า ไม่อ่านแล้วไง? คนเราชอบไม่เหมือนกัน
เราก็งง เพราะไม่ว่าจะชอบอะไร ถ้าจะเอาดีมันก็ต้องอ่านหนังสือทั้งนั้น ไม่อ่านก็แสดงว่าเอาแต่ทำเล่นๆ ไม่ได้ทำจริงๆ
เมื่อไม่ได้ทำจริงๆ ฝีมือจริงๆมันก็ไม่มี แล้วมันจะเจริญก้าวหน้าพัฒนาตามคนอื่นเขาทันได้ยังไง?
เกี่ยวกับข่าวที่สอง บางคนแก้ตัวแทนกันว่า ระบบวัดไอคิวเป็นของฝรั่ง ใช้วัดเด็กไทยไม่ได้! ผมว่าไม่เกี่ยว เพราะเดี๋ยวนี้
มันมีความพยายามที่จะลดผลกระทบอันเกิดจากวัฒนธรรมที่แตกต่างออกจากแบบทดสอบแล้ว ถึงไม่แม่นยำมันก็ใกล้เคียง
ปัญหาคือเด็กของเราไม่รู้จักคิดมากกว่า ซึ่งมันควรจะมีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ข่าวที่สาม เป็นเรื่องที่เศร้าโศกสลดที่สุดในวงการศึกษาในสายตาผม เพราะคนระดับนี้ควรมีสามัญสำนึกในการแยกแยะ
ถูกผิด ชั่วดี ได้แล้ว ควรมีศักดิ์ศรีพอที่จะไม่กระทำการอะไรที่มันน่าอดสูอย่างนั้น พูดไม่ออกจริงๆ
การเรียน การศึกษา มันไม่ใช่แค่โรงเรียน ไม่ใช่แค่ห้องเรียน มันหมายถึงจิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้
ซึ่งชาติพันธุ์ไหนต้องการพัฒนาตนเอง ก็ต้องมีจิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะทำอะไก็เรียนรู้ได้
นี่หนังสือก็ไม่อ่าน คิดก็ไม่คิด การบ้านก็ไม่ทำ สอบก็ลอก ก็โกง วิทยานิพนธ์ยังต้องจ้างคนอื่นทำ
นึกไม่ออกจริงๆว่าเมืองไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร จะโทษใครดีถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น