วันพุธ, เมษายน 27, 2548

ทันสมัย ไม่พัฒนา ท่าจะจริง

ในหน่วยราชการมีคอมพิวเตอร์รุ่นสูงๆ ใช้ ทันสมัยมากๆ
แต่ใช้ได้แค่พิมพ์งาน

วันนี้ไปติดต่อราชการ (ขอไม่บอกว่าที่ไหน) ต้องกรอกเอกสารหลายฉบับ ทุกฉบับต้องการข้อมูลคล้ายๆกัน เช่น ชื่อ สกุล ชื่อพ่อ ชื่อแม่ วันเกิดตัว วันเกิดพ่อ วันเกิดแม่

ผมต้องกรอกเอกสารพวกนี้ประมาณสิบครั้งเข้าไปแล้วภายในเวลาเพียงไม่ถึงปี กรอกแล้วก็ส่งให้หน่วยงานเดิมนี่แหละ กว่าจะเดินเรื่องเสร็จ ก็เลยไม่เข้าใจว่าคอมพิวเตอร์ราคาเป็นหลายหมื่น ระบบฐานข้อมูลเป็นหลายแสน ที่หน่วยงานซื้อมาใช้ มันจะช่วยอะไรตรงนี้ไม่ได้เลยหรือไง

เช่นเอกสารแผ่นแรก เอามาให้กรอกแล้ว ก็เอาเข้าฐานข้อมูลไปเลย พอต้องกรอกอีกใบ ก็พิมพ์ส่วนที่เคยให้ข้อมูลไปแล้วให้เรียบร้อย เราจะได้กรอกเฉพาะข้อมูลที่ยังไม่เคยให้ไป อย่างนี้เป็นต้น

ตอนแรกผมก็แค่อยากบ่น ก็บ่น บ่นจนรำคาญตัวเอง

บ่นสักพัก ก็เลยคิดว่า ถ้าทำได้ก็น่าจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็เลยเสนอไอเดียกับหัวหน้า เพื่อให้หัวหน้าไปคุยกับ หัวหน้างานส่วนที่เกี่ยวกับฐานข้อมูลนั้น เพื่อนำข้อเสนอที่ผมจะเสนอนี่แหละ ไปปรับใช้ คือคิดว่าถ้าหัวหน้าเห็นด้วย ผมจะยอมรับทำโปรแกรมเองด้วยซ้ำไป (ถ้าทางหน่วยงานนั้นยอมให้ทำ) หรือถ้าไม่ยอม จะเขียนแนวทางคร่าวๆ ให้ก็ได้ (คิดว่าซี้ซั้วไปคุยกับทางโน้นเอง เขาก็ไม่ฟังเด็กเมื่อวานซืนอย่างผมหรอก)

(ซึ่งอันที่จริงคนที่ทำงานด้านฐานข้อมูลไม่ต้องการแนวทางของผมหรอก เขาเก่งกว่าผมประมาณล้านเท่า หลับตาทำยังได้เลย แต่เขาอาจจะมองไม่เห็นว่ามันน่าทำและผมไม่รู้ว่าจะไปบอกเขายังไงว่าตรงนี้มั นน่าทำนะ ตรงนี้มันน่าปรับปรุงนะ)

หัวหน้าท่านก็ว่า เสนอไปก็ไม่ให้ทำหรอก เพราะถ้าให้เราทำมันเสียหน้าเขา ถ้าเขาทำเองมันก็เพิ่มงานเขา นี่แหละประเทศไทย (ผมเข้าใจเอาเองว่า มันคือคำแนะนำว่าจงอยู่เฉยๆ และผมรู้สึกว่าผมเกลียดคำว่า เมืองไทยก็อย่างนี้แหละ ขึ้นมาทันที)

จากนั้นผมได้เดินไปนอกสถานที่ใกล้ๆ เห็นเด็กๆ กำลังใช้คอมพิวเตอร์รุ่นที่ดีกว่าเครื่องในหน่วยงานด้วยซ้ำ เล่นเกมส์ออนไลน์อยู่อย่างครึกครื้น เพื่อนรุ่นน้องอีกคนกำลังเอาเกมโป๊มาแบ่งกับเพื่อนรุ่นน้องด้วยกัน

ทำได้เพียงนี้เท่านี้เอง สำหรับคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย

มันเกิดความอึดอัดขึ้นจุกอก แทบจะร้องไห้

ไม่มีความคิดเห็น: